อิฐกันรังสี

โดยทั่วไปผนังห้องเอกซเรย์จะก่อด้วยอิฐมอญและฉาบด้วยปูนซีเมนต์ให้ได้ความหนาประมาณ 20-25 เซนติเมตร จึงจะมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะกันรังสีได้ แต่การก่อผนังดังกล่าวทำให้พื้นที่ห้องลดขนาดลง เนื่องจากห้องทำงาน ทั่วไปนั้นจะมีความหนาของผนังห้องประมาณ 10-12 เซนติเมตร และอิฐมอญที่ใช้ในการก่อผนังห้องมีคุณความสา...

Full description

Bibliographic Details
Main Authors: สุรียาพร โจไธสง, สุชาติ เกียรติวัฒนเจริญ
Format: Article
Language:English
Published: Chaing Mai University 2008-05-01
Series:Journal of Associated Medical Sciences
Subjects:
Online Access:https://www.tci-thaijo.org/index.php/bulletinAMS/article/view/60113
id doaj-e3a811e6a9944b73a7207e6d3d2717b5
record_format Article
spelling doaj-e3a811e6a9944b73a7207e6d3d2717b52020-11-25T02:03:36ZengChaing Mai UniversityJournal of Associated Medical Sciences2539-60562539-60562008-05-01412797960113อิฐกันรังสีสุรียาพร โจไธสง0สุชาติ เกียรติวัฒนเจริญ11) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2) ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่1) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2) ภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยทั่วไปผนังห้องเอกซเรย์จะก่อด้วยอิฐมอญและฉาบด้วยปูนซีเมนต์ให้ได้ความหนาประมาณ 20-25 เซนติเมตร จึงจะมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะกันรังสีได้ แต่การก่อผนังดังกล่าวทำให้พื้นที่ห้องลดขนาดลง เนื่องจากห้องทำงาน ทั่วไปนั้นจะมีความหนาของผนังห้องประมาณ 10-12 เซนติเมตร และอิฐมอญที่ใช้ในการก่อผนังห้องมีคุณความสามารถในการกันรังสีไม่ดีนักดังนั้นเพื่อให้ลดความหนาผนังและสามารถกันรังสีเอ็กซ์ได้ดีกว่าผนังปกติ ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะผลิตอิฐมอญที่มีคุณสมบัติในการกันรังสีเอ็กซ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างผนังห้องเอกซเรย์สำหรับป้องกันรังสีกระเจิงให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและผู้มารับบริการของหน่วยงานรังสีวิทยา การทำวิจัยครั้งนี้ได้ผลิตอิฐมอญที่มีส่วนผสมของ BaSO4 ในสัดส่วนต่างๆ (5-20%) แล้วนำไปทดสอบคุณสมบัติพื้นฐานทางวิศวกรรม และทดสอบ คุณสมบัติในการกันรังสีเอ็กซ์โดยนำอิฐมอญที่มีส่วนผสมของ BaSO4 แต่ละสัดส่วน มาก่อเป็นกำแพงจำลองแล้วนำวัดปริมาณรังสี เพื่อสำรวจอัตรารังสีกระเจิงที่ตำแหน่งหน้ากำแพงและหลังกำแพง ที่ 50-100 kV และปรับเปลี่ยนค่า mAS เป็น 10, 20, 30 mAS เพื่อหาค่าเปอร์เซ็นต์การดูดกลืนรังสี ผลการทดสอบคุณสมบัติพื้นฐานทางวิศวกรรมพบว่า อิฐมอญที่ผลิตจากเครื่องอัดแรงดันสามารถทนแรงอัดได้ดีกว่าอิฐมอญที่ผลิตจากแรงงานคน และอิฐมอญที่ผลิตจากแรงงานคนมีค่าร้อยละของการดูดกลืนน้ำสูงกว่าอิฐมอญที่ผลิตจากเครื่องอัดแรงดัน ผลการทดสอบการกันรังสี พบว่า อิฐมอญที่มีส่วนผสม BaSO4 ในสัดส่วน 5-20% เมื่อนำไปสร้างกำแพงให้มีความหนา 12 เซนติเมตรแล้ว สามารถกันรังสีให้อัตรารังสีเอ็กซ์หลังกำแพงไม่เกินค่าระดับความปลอดภัยที่กำหนด (ICRP60) คือไม่เกิน 2 mR/hr. ได้ทั้งสิ้น ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้สามารถสรุปได้ว่าอิฐมอญที่มีส่วนผสมBaSO4 ตั้งแต่ 5-20 % เมื่อนำไปใช้งานก่อกำแพงห้องเอกซเรย์แล้วสามารถกันรังสีเอ็กซ์ทั้งรังสีปฐมภูมิและรังสีทุติยภูมิที่ระดับค่าพารามิเตอร์การให้ปริมาณรังสีไม่เกิน 100 kV 30 mAS. วารสารเทคนิคการแพทย์เชียงใหม่ 2551; 41: 79-88.https://www.tci-thaijo.org/index.php/bulletinAMS/article/view/60113เปอร์เซ็นต์การดูดกลืนรังสีอิฐมอญBaSO4
collection DOAJ
language English
format Article
sources DOAJ
author สุรียาพร โจไธสง
สุชาติ เกียรติวัฒนเจริญ
spellingShingle สุรียาพร โจไธสง
สุชาติ เกียรติวัฒนเจริญ
อิฐกันรังสี
Journal of Associated Medical Sciences
เปอร์เซ็นต์การดูดกลืนรังสี
อิฐมอญ
BaSO4
author_facet สุรียาพร โจไธสง
สุชาติ เกียรติวัฒนเจริญ
author_sort สุรียาพร โจไธสง
title อิฐกันรังสี
title_short อิฐกันรังสี
title_full อิฐกันรังสี
title_fullStr อิฐกันรังสี
title_full_unstemmed อิฐกันรังสี
title_sort อิฐกันรังสี
publisher Chaing Mai University
series Journal of Associated Medical Sciences
issn 2539-6056
2539-6056
publishDate 2008-05-01
description โดยทั่วไปผนังห้องเอกซเรย์จะก่อด้วยอิฐมอญและฉาบด้วยปูนซีเมนต์ให้ได้ความหนาประมาณ 20-25 เซนติเมตร จึงจะมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะกันรังสีได้ แต่การก่อผนังดังกล่าวทำให้พื้นที่ห้องลดขนาดลง เนื่องจากห้องทำงาน ทั่วไปนั้นจะมีความหนาของผนังห้องประมาณ 10-12 เซนติเมตร และอิฐมอญที่ใช้ในการก่อผนังห้องมีคุณความสามารถในการกันรังสีไม่ดีนักดังนั้นเพื่อให้ลดความหนาผนังและสามารถกันรังสีเอ็กซ์ได้ดีกว่าผนังปกติ ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะผลิตอิฐมอญที่มีคุณสมบัติในการกันรังสีเอ็กซ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างผนังห้องเอกซเรย์สำหรับป้องกันรังสีกระเจิงให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและผู้มารับบริการของหน่วยงานรังสีวิทยา การทำวิจัยครั้งนี้ได้ผลิตอิฐมอญที่มีส่วนผสมของ BaSO4 ในสัดส่วนต่างๆ (5-20%) แล้วนำไปทดสอบคุณสมบัติพื้นฐานทางวิศวกรรม และทดสอบ คุณสมบัติในการกันรังสีเอ็กซ์โดยนำอิฐมอญที่มีส่วนผสมของ BaSO4 แต่ละสัดส่วน มาก่อเป็นกำแพงจำลองแล้วนำวัดปริมาณรังสี เพื่อสำรวจอัตรารังสีกระเจิงที่ตำแหน่งหน้ากำแพงและหลังกำแพง ที่ 50-100 kV และปรับเปลี่ยนค่า mAS เป็น 10, 20, 30 mAS เพื่อหาค่าเปอร์เซ็นต์การดูดกลืนรังสี ผลการทดสอบคุณสมบัติพื้นฐานทางวิศวกรรมพบว่า อิฐมอญที่ผลิตจากเครื่องอัดแรงดันสามารถทนแรงอัดได้ดีกว่าอิฐมอญที่ผลิตจากแรงงานคน และอิฐมอญที่ผลิตจากแรงงานคนมีค่าร้อยละของการดูดกลืนน้ำสูงกว่าอิฐมอญที่ผลิตจากเครื่องอัดแรงดัน ผลการทดสอบการกันรังสี พบว่า อิฐมอญที่มีส่วนผสม BaSO4 ในสัดส่วน 5-20% เมื่อนำไปสร้างกำแพงให้มีความหนา 12 เซนติเมตรแล้ว สามารถกันรังสีให้อัตรารังสีเอ็กซ์หลังกำแพงไม่เกินค่าระดับความปลอดภัยที่กำหนด (ICRP60) คือไม่เกิน 2 mR/hr. ได้ทั้งสิ้น ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้สามารถสรุปได้ว่าอิฐมอญที่มีส่วนผสมBaSO4 ตั้งแต่ 5-20 % เมื่อนำไปใช้งานก่อกำแพงห้องเอกซเรย์แล้วสามารถกันรังสีเอ็กซ์ทั้งรังสีปฐมภูมิและรังสีทุติยภูมิที่ระดับค่าพารามิเตอร์การให้ปริมาณรังสีไม่เกิน 100 kV 30 mAS. วารสารเทคนิคการแพทย์เชียงใหม่ 2551; 41: 79-88.
topic เปอร์เซ็นต์การดูดกลืนรังสี
อิฐมอญ
BaSO4
url https://www.tci-thaijo.org/index.php/bulletinAMS/article/view/60113
work_keys_str_mv AT surīyāphrcoṭhịsng xiṭhkạnrạngsī
AT suchātikeīyrtiwạtʹhnceriỵ xiṭhkạnrạngsī
_version_ 1724947010566488064